ฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) และฟอร์มาลีน (Formalin) เป็นสารที่เกี่ยวข้องกันแต่มีความแตกต่างดังนี้:

1. ฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde)

• เป็นสารประกอบอินทรีย์ตามธรรมชาติ มีสูตรเคมี CH₂O หรือ H-CHO
• อยู่ในสถานะ ก๊าซ ไม่มีสี มีกลิ่นฉุนรุนแรง และมีฤทธิ์กัดกร่อน
• ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเรซิน พลาสติก และเป็นส่วนผสมในกระบวนการผลิตเฟอร์นิเจอร์

2. ฟอร์มาลีน (Formalin)

• เป็น สารละลายของฟอร์มาลดีไฮด์ในน้ำ โดยมีฟอร์มาลดีไฮด์ประมาณ 37% โดยน้ำหนัก และมักผสม เมทิลแอลกอฮอล์ (methanol) ประมาณ 10–15% เพื่อป้องกันการโพลิเมอไรเซชัน
• ลักษณะเป็นของเหลวใส ไม่มีสี กลิ่นรุนแรง และมีฤทธิ์ระคายเคือง
• ใช้ในทางการแพทย์เพื่อรักษาสภาพเนื้อเยื่อ (เช่น การเตรียมศพ) และในอุตสาหกรรมเพื่อทำความสะอาดฆ่าเชื้อ

ความแตกต่างสำคัญ

• ฟอร์มาลดีไฮด์ เป็นสารเคมีบริสุทธิ์ในสถานะก๊าซ ในขณะที่ ฟอร์มาลีน เป็นสารละลายที่มีฟอร์มาลดีไฮด์เป็นองค์ประกอบหลัก
• ฟอร์มาลีนมีเมทานอลเป็นสารเติมแต่งเพื่อเพิ่มเสถียรภาพ

ประโยชน์ของฟอร์มาลีนในโรงงานอุตสาหกรรม

อย่างที่กล่าวไปนั้น ฟอร์มาลีน ยังมีประโยชน์อีกมากหากนำมาใช้งานในอุตสาหกรรมอย่างถูกวิธี การนำมาใช้งานมีหลากหลายด้วยกันดังนี้

• ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ โดยใช้วัสดุที่ทำจากฟอร์มัลดีไฮด์มาเป็นส่วนประกอบของระบบส่งกำลัง ระบบไฟฟ้า เสื้อสูบ แผงประตู เพลา เกือบเบรก เป็นต้น
• ใช้ในอุตสาหกรรมผ้า เพื่อทำให้ผ้าไม่ยับย่น และใช้ในกระบวนการฟอกสี
• ใช้ในอุตสาหกรรมกระดาษ ทำให้กระดาษลื่น และช่วยกันน้ำเพื่อความเหนียวเมื่อเปียก ใช้ในกระบวนการผลิตกระดาษ รวมถึงทิชชูเช็ดหน้า กระดาษเช็ดปาก และกระดาษเช็ดมือ
• ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตไม้ โดยนำมาใช้เป็นกาวถาวรในไม้อัด
• ใช้สำหรับเป็นส่วนผสมโลหะ เพื่อป้องกันปฎิกิริยาออกซิเดชัน
• ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตโฟมเพื่อเป็นฉนวนความร้อน รวมถึงกระบวนการผลิตเรซินและพลาสติก
• สำหรับอุตสาหกรรมการพิมพ์ ใช้ในกระบวนการผลิตสีและหมึกพิมพ์ และยังใช้ในกระบวนการล้างฟิล์ม อัดรูป เพราะสารฟอร์มาลดีไฮด์มีความเข้มข้นต่ำ ใช้เป็นน้ำยาคงสภาพได้ ช่วยรักษารูปถ่ายให้เก็บไว้ได้นาน
• ใช้ในเคมีภัณฑ์อุตสาหกรรม เพราะมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อ จึงใช้เป็นส่วนผสมของน้ำยาฆ่าเชื้อ สารฆ่าเชื้อ และเป็นยาดับกลิ่นฆ่าเชื้อโรค